สัพเพเหระและไร้สาระ


เมื่อวานอยู่ๆผมได้หวนคิดถึงหนังจีนชุดสมัยเก่าก่อน สมัยที่ยังไม่มีหนังเกาหลีเต็มช่องสถานีทีวีแบบทุกวันนี้ และอดคิดถึงหนังจีนชุดที่ถือว่าเป้นตำนานความนิยมเรื่องหนึ่งไม่ได้ นั่นคือเรื่อง “เปาบุ้นจิ้น”

เปาบุ้นจิ้นนั้นมีหลายตอนมากในสมัยนั้น เนื่องจากความนิยมยังมีการสร้างแล้วสร้างอีกหลายเวอร์ชั่น หลังจากเวอร์ชั่นแรกของไต้หวันได้ทำรายได้ถล่มทลายและทำเอาคนดูหนังชาวไทยติดกันงอมแงมไปแล้ว ทางฝั่งฮ่องกงก็ไม่ยอมน้อยหน้าสร้างเปาบุ้นจิ้นเวอร์ชั่นใหม่มาแข่งทันที ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยประทับใจเท่าเวอร์ชั่นแรกมากนัก โดยเฉพาะของฝั่ง TVB นี่ผมจำไม่ได้เลยว่ามันมีตอนอะไรมั่ง…

แต่ของฝั่งช่อง ATV ที่ได้ทุ่มทุนสร้าง และนำตัวละครหลักจากชุดของไต้หวันมาแสดง(ขาดเหอเจียจิ้ง-จั่นเจา) แม้ส่วนใหญ่ผมจะลืมเลือนไปแล้ว แต่มีอยู่ตอนหนึ่งที่ยังจำได้ และคงต้องถือเป็นตอนเด่นของเปาบุ้นจิ้นชุดนี้และเป็นที่ประทับใจของแฟนๆในเวลานั้นกันมาก รวมถึงยังมีพบเห็นคนแสดงความนิยมกันในเว็ปไซต์หลายที่ในปัจจุบันเช่นกัน นั่นคือตอน “หมอดูใจเพชร (新包青天之侠骨神算)”

(ที่พันทิปยังมีคนถามถึงอยู่เลย คลิกดูครับ )

แน่นอนว่าตัวเอกก็คงไม่พ้นตัวละครหมอดูใจเพชรในเรื่องนั่นแหละครับ ซึ่งรับบทโดย “หม่าจิ่งเทา” เป็นตัวละครที่เปิดตัวด้วยชุดสีขาว มาดสุดกวน ชอบยืนนับนิ้วคำนวณ แต่เก่งเหลือหลาย เป็นซินแสระดับเทวดากันเลยทีเดียว มาถึงก็สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งไร้ฝนเจ็ดเดือนในเมืองไคฟงได้ในเพียงสองวัน

…จำได้ว่าสมัยนั้น เห็นเด็กหลายคนชอบยืนทำท่านับนิ้วคำนวณตามหนังกันเลยทีเดียว
และแม้ว่าชื่อของตัวละครนำในแต่ละตอนนั้นจะไม่ค่อยเป็นที่จำได้กันเท่าไหร่ แต่ชื่อของตัวละครนำในตอนหมอดูใจเพชรนี้กลับได้รับการจดจำกันได้เป็นส่วนมาก และหลายคนยังจำชื่อนี้ได้ถึงปัจจุบัน…

ตัวละครหมอดูใจเพชรนี้ ก็คือ “เส้าคังเจี๋ย” ซึ่งในเวลานั้นหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เป็นบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริงในสมัยราชวงค์ซ่งเหนือ และเป็นผู้คิดค้นวิชาทำนายดอกเหมยแปลงเลข ที่เราได้ลงในบล็อกมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
และท่านเส้าคังเจี๋ยนี้ยังเป็นหนึ่งในห้าบัณฑิตแห่งยุค และเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวิชาอี้จิงสายรูปลักษณ์และตัวเลข ซึ่งได้แต่งตำราที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาอี้จิงหลายเล่ม และวิชาทำนายดอกเหมยของท่านนั้นยังเป็นวิชาที่ได้รับการยอมรับและเหล่าซินแสต้องศึกษากันมาจนถึงปัจจุบัน

ถ้าใครได้มาอ่านเนื้อหานี้และเคยได้ดูหนังชุดที่ว่านี้อาจจะร้อง “อ๋ออออ” และสนใจวิชาทำนายดอกเหมยนี้ขึ้นมาทันทีก็ได้ครับ ฮะๆ

เสียดายว่า ถ้าหนังชุดนี้มาฉายในสมัยนี้ คงได้มีคนแห่เข้ามาชมบล็อกผมกันถล่มทลายแหงๆ

วันนี้ผมก็เลยเอาหนังชุดนี้ที่ลงในเว็บจีนมาฝากกันครับ สำหรับใครที่จำเรื่องได้ก็อาจจะดูทบทวนความจำได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครไม่เคยดูแต่ว่าฟังและอ่านภาษาจีนออกก็ยินดีด้วยครับ ส่วนพากษ์ไทยผมไม่รู้เค้าจะมีมั้ยนะครับ ถ้าใครมีข้อมูลก็มาบอกด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณ

ลองเข้าไปดูนะครับ เค้าลงให้ดูครบทุกตอนเลย

http://www.tudou.com/playlist/id/1438986/

อ้อ คนที่ดูแล้วหรือเคยดู คิดเห็นยังไงก็มาแลกเปลี่ยนกันหน่อยนะครับ

ข่าวจากมติชนออนไลน์วันนี้

น้ำโขงแห้งขอด! สื่อแฉจีนกักน้ำใช้ปั่นไฟฟ้า ไทย-ลาวเดือดร้อนหนักเดินเรือไม่ได้ หวั่นขนยาเล็ดลอด

น.ส.พ.จีน รายงานมณฑลยูนาน แล้งสุดรอบ 60 ปี ทำให้ต้องกักน้ำในเขื่อนไว้ปั่นไฟ ส่งผลน้ำโขงแห้งขอด คนริมโขงไทย-ลาวเดือดร้อนหนัก สัญจรทางเรือไม่ได้ กระทบเกษตรกรรม เผยพระธาตุโผล่กลางลำโขงฝั่งลาว “นอภ.-ตร.”อำนาจเจริญตั้งด่านตรวจเข้มหวั่นลอบขนยาเสพติดข้ามแดน

สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดต่ำลงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ลาวในหลายด้าน โดยเฉพาะ การเดินเรือค้าขาย การอุปโภคบริโภค และการเกษตรกรรม สาเหตุหลักมาสาธารณรัฐประชาชนจีนได้กักเก็บน้ำเอาไว้ในอ่างเหนือเขื่อนขนาด ใหญ่ 4 แห่งที่พาดกั้นแม่น้ำโขงในดินแดนของตน และมีแนวโน้มว่าจะไม่ปล่อยน้ำลงมาใต้เขื่อน เนื่องจากเกรงว่าปริมาณน้ำในอ่างจะไม่พอผลิตกระแสไฟฟ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ว่า หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นับตั้งแต่ปลายปี 2552 เกิดความแห้งแล้งในพื้นที่มณฑลยูนนานร้ายแรงที่สุดในรอบ 60 ปี เจ้าหน้าที่บริษัทหัวเหนิงลานชางไฮโดรพาวเวอร์ บริษัทบริหารจัดการเขื่อนบนแม่น้ำโขงทั้ง 4 แห่งระบุว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ ของเขื่อนลดลงและกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้า

ขณะที่หนังสือพิมพ์หนานฟ่างเดลี่รายงานเช่นกันว่า ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนบนแม่น้ำโขง 4 แห่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อน “เสี่ยวหวาน” เขื่อนแห่งนี้ต้องบริหารจัดการระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อให้สามารถ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอคือวันละประมาณ 70 กิโลวัตต์ แต่ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างมาก ทำให้กระแสไฟฟ้าในยูนนานลดลง

ทั้งนี้ เขื่อนเสี่ยวหวานมีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นเขื่อนที่ตั้งอยู่ทางตอนบนสุดของแม่น้ำโขงในจีน ถัดมา ได้แก่ เขื่อนมันวานผลิตไฟ 1,500 เมกะวัตต์ เขื่อนต้าเฉาชาน 1,350 เมกะวัตต์ และเขื่อนจิงหง1,500 เมกะวัตต์ ปริมาณความจุอ่างเก็บน้ำของเขื่อนทั้ง 4 แห่ง รวม 17,603 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทางด้านนายมิติ ยาประสิทธิ์ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เชียงแสน เปิดเผยว่า ทหารเรือบอกว่าระดับน้ำโขงลดลงมากกว่าปี 2540 ซึ่งตอนนั้นจีนปิดเขื่อนแห่งแรก มีผลให้บ่อน้ำบาดาลแห้งไปด้วย แม้กระทั่งน้ำประปาเองก็เริ่มมีปัญหา ช่วงนี้ไม่มีการปล่อยน้ำมาเลย เพราะเรือขนสินค้าจากจีนจอดอยู่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงรายหลายวันแล้ว แต่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นคือมีพระธาตุเก่าแก่โผล่ขึ้นกลางแม่น้ำโขงในฝั่งลาว ที่เกาะดอนแท่น ตรงนั้นเป็นวัดเก่า มีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ และทางการลาวกำลังสำรวจอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า ปริมาณน้ำที่ลดลงในแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อการจราจรทางน้ำอย่างหนัก ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากเดือดร้อน หลายชุมชนมีเพียงเส้นทางเรือเท่านั้นที่เข้าถึงหมู่บ้าน ขณะนี้เรือโดยสารและเรือขนส่งสินค้าต่างจอดสนิท  การขนส่งทางเรือระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ และเมืองปากลาย แขวงไชยบุรี ต้องหยุดลง ขณะที่แม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขงต่างแห้งเช่นกัน ส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรอย่างหนัก

ด้านนายนิรันดร์ บุญสิงห์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (หน.ปภ.)  จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ปีนี้จะแล้งหนักกว่าปีที่ผ่านๆ มา เพราะขณะนี้ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มนำใช้กันแล้ว ที่สำคัญในช่วงนี้แม่น้ำโขงแห้งขอดลงมาก โดยเฉพาะในเขตบ้านคันสูง ต.โคกสาร อ.ชานุมาน ระดับลดลงต่ำมากจนเดินข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน(ลาว) ขณะเดียวกันมีประชาชนไปทอดแหตกปลา และยังมีเด็กๆ นักเรียนลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามของแก่งหิน ต่างๆ วันละจำนวนมาก

“ทางอำเภอและทางตำรวจตั้ง ด่านเฉพาะกิจตรวจเข้ม เพราะเกรงจะมีการขนย้ายยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งไทย” นายนิรันดร์กล่าว

นายบุญสนอง บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ทางจังหวัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งให้ผู้รับผิดชอบออกสำรวจภาชนะเก็บกักน้ำตามหมู่บ้านต่างๆ ทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก คาดว่าทางจังหวัดจะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติในเร็วๆ นี้

**************************************************************************************************

นี่แค่หนึ่งส่วน เพราะย้อนกลับไปหลายปีก่อน ตอนที่จีนต้องการจะใช้แม่น้ำโขงนี้เป็นเส้นทางเดินเรือ ตอนนั้นจีนมีแผนจะระเบิดเพื่อเปิดเส้นทางน้ำให้กว้าง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไม่มีแนวโค้ง เกาะแก่งต่างๆคอยพยุงสายน้ำไว้ ย่อมเกิดผลร้ายตามมาต่อสภาพภูมิประเทศฝั่งใต้แม่น้ำ ตะกอนต่างจะถูกสายน้ำซัดตรงลงมาด้านล่าง และกลายสภาพภูมิประเทศใหม่ทันที ปลาก็ไม่มีแหล่งที่อยู่ และสภาพชีวิตผู้คนที่อาศัยแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนไปทันที
หลายฝ่ายจึงพยายามขอให้จีนทบทวนเรื่องนี้ แน่นอนมันรวมถึงประชาชนชาวจีนริมฝั่งน้ำด้วย แต่แผนการครั้งนี้เป็นไปแบบ กระบวนการไม่โปร่งใส ไร้ประชาพิจารณ์ ในแบบของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน

และจีนก็คือจีน!!! จีนใหม่นั้นเพียงเห็นเพียงแก่ผลประโยชน์ และคิดเสมอว่าตัวเป็นประเทศใหญ่ ใครๆก็ต้องฟัง
แถมไม่สะใจ ยังบอกว่าหากแม่ม..คัดค้านกันนัก ตรูจะระเบิดเส้นทางน้ำใหม่ไปออกทะเล พวกเอ็งจะได้ไม่ต้องมีไอ้แม่น้ำโขงนี้อีกต่อไป…

การระเบิดก็เกิดขึ้น ยังผลเลวร้ายตามมามากมายต่อหลายประเทศที่อาศัยแม่น้ำโขง

สิ่งที่น่ากลัวของจีน ไม่ใช่เรื่องของการปกครอง ไม่ใช่เรื่องของข้อกฏหมาย ขอบเขตการกระทำ สุขา หรืออะไรหรอกครับ
สิ่งนี่น่ากลัวของคนในสังคมจีนแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน คือสิ่งที่อยู่ในหัว คือทัศนคติ ในสามัญสำนึกที่ถูกขัดเกลามาแล้วอย่างดีต่างหากที่น่ากลัว

บางครั้งเห็นวัยรุ่นสมัยใหม่ โวยวายว่าไทยนี้ห่วยและล้าหลัง ต้องเอาคอมมิวนิสต์อย่างจีนถึงเหมาะกับคนไทย!!!
ฟังแล้วก็ใจหายกับค่านิยมและทัศนะคติแบบเพียงแค่เอาสะใจตน อยากถามเด็กพวกนั้นจริงๆว่า เคยไปจีนเหรอ หรือรู้จักคนจีนในประเทศจีน และรู้จักระบอบปกครองของเค้าแค่ไหน

ผมกล้าพูดเพราะผมอยู่จีนมากพอจะรู้และเข้าใจนั่นแหละ

เมื่อเร็วๆนี้มีเหตุการณ์ที่อาเจ๊ท่านนึง เมื่อสิบกว่าปีก่อนนู๊น เจ๊เคยลงทุนเช่าอาคารพานิชย์จากทางภาครัฐตามโครงการพัฒนาหมู่บ้าน เจ๊แกลงทุนไปหลายล้าน หวังฝากชีวิตที่เหลือในธุรกิจที่อยู่ในอาคารนี้ จึงลงทุนลงแรงและตกแต่งอย่างดี
เมื่อเร็วๆนี้ อยู่ๆวันดีคืนดี อยากตัดถนนเข้าไปแถวนั้น วางผังเมืองใหม่ แต่ว่าถนนมันตัดผ่านบ้านผู้ใหญ่บ้าน
จีนก็คือจีน อำนาจวาสนาอยู่ในความคิดพื้นฐานนานปี ไม่มีหิริโอตัปปะเพราะคอมมิวนิสต์ไม่ต้องมีศาสนา แต่ละบ้านไหว้แต่เทพเหมาเจ๋อตุง…
ถนนนี้เลยย้ายไปตัดผ่านบ้านอาเจ๊…

ผมอยากบอกเจ๊ว่า ไปบริจาคเงินสินบนให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ซักหลายล้าน เจ๊ก็ไม่ต้องเจอยังงี้หรอก…

พวกเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็แห่กันมาแจ้งให้เจ๊ไสหัวไป…
โดยรัฐจะชดเชยเงินให้ เท่ากับราคาที่เจ๊เช่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน จำไม่ได้ว่า ตารางเมตรละกี่พัน
ใจดีมากว่างั้น….แค่ค่าเงินที่มันเฟ้อขึ้นก็ชดเชยกันไม่ได้แล้ว ยังไม่นับค่าลงทุนต่างๆ ค่าตกแต่งสารพัด

ถ้าไม่รับ เจ้าหน้าที่จีนก็ไม่สน เดินหน้า..ทุบ
วันทุบมาถึง ก่อนนั้นอาเจ๊วิ่งเต้นยังไงก็ไม่มีผล….ไม่มีใครฟังเจ๊เลย
เจ๊ถือถังน้ำมันอยู่หน้าตึก ขอให้เจ้าหน้าที่คุยกับเจ๊แกก่อน แกขอล่ะ…
เจ้าหน้าที่ช่างทุบ ทำเหมือนเจ๊แกโปร่งใส มองไม่เห็น เดินหน้าเข้ารื้อของ และทุบทันที เจ๊วิ่งตามเข้าไปเพื่อหวังหยุดทุกอย่าง ถูกกดดันจนขึ้นไปชั้นบน เจ๊ขอร้องครั้งสุดท้ายว่า หากไม่หยุด ชั้นจะเผาตัวเองแล้ว…
เจ๊คร๊าบบ มันจะได้ผลให้เจ๊หรอก เจ๊ลืมแล้วมั้งว่าเจ๊อยู่ในประเทศอะไร
เหมือนไม่มีใครได้ยินเจ๊ อาเจ๊สุดทนจุดไฟเผาตัวเอง ตาย…
เรื่องนี้เป็นข่าวเงียบๆ แต่กระแสแรงขึ้นภายหลัง รัฐบาลก็ดริฟท์แถทันทีว่าจะแก้กฏหมาย
เหวย….มันไม่เกี่ยวกับกฏหมายเลยย… ไม่มีมาตราไหนให้ทำยังงี้ได้
ที่พวกเอ็งต้องแก้น่ะ มันคือไอ้ค่านิยมกับทัศนะคติที่อยู่ในหัวพวกเอ็งเว๊ย…ว่าทำยังงี้มันไม่ควร

มันเหมือนกับแนวคิดเรื่องขายของปลอมในจีนนั่นแหละ ทุกวันนี้มันแทบไม่มีคำว่าซื่อสัตย์กันแล้ว นมมันยังปลอมกันขายได้
สงสัยมีแต่จีนโพ้นทะเลก่อนยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ที่ยังสอนลูกหลานว่า ทำงานต้องยึดหลัก ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน