ในหลายปีที่ผ่านมานั้น ผมอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้หนึ่งที่เข้าออกประเทศจีนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่แท้จริงแล้วประเทศจีนคือประเทศที่ผมไม่ชอบ แม้ว่าผมจะมีเชื้อสายจีนและเกิดในเกาะที่เป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างฮ่องกงก็ตาม แต่ด้วยความที่ผมเติบโตภายใต้วัฒนธรรมการเลี้ยงดูแบบจีนรวมทั้งศึกษาวิชาและศาสตร์ต่างๆกับครูบาอาจารย์ที่ต่างก็ล้วนมอบความรู้ต่างๆให้ผมด้วยพื้นฐานวัฒนธรรมดั้งเดิม ทำให้ผมมักไม่ชอบและมองประเทศจีนอันขาดจิตวิญญาณตั้งแต่หลังปฏิวัติวัฒนธรรมด้วยท่าทีที่ไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมาการได้เรียนรู้ศาสตร์และความรู้ต่างๆจากการได้อยู่และพักอาศัยในประเทศจีน ก็ทำให้ผมเองอดที่จะพยายามเผยแพร่และแนะนำศาสตร์วิชาต่างๆด้วยจิตสำนึกของชาวจีนไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นบทความที่ผมเขียนด้วยจิตสำนึกและแนวทางมีสองประการ
ข้อแรก ด้วยจิตสำนึกของชาวจีนผู้หนึ่งที่มีต่อวิชาศิลปะการต่อสู้ของจีน(จงกว๋ออู่ซู่) เพื่อเผยแพร่และทำให้ผู้ที่สนใจได้มีทัศนะที่ถูกต้องต่อศิลปะการต่อสู้ของจีน
ข้อสอง ด้วยจิตสำนึกของผู้ที่รักและยกย่องมวยไท่จี๋ หรือไท่จี๋เฉวียน หรือที่รู้จักกันในชื่อมวยไทเก๊ก
ด้วยแนวทางของข้อแรกนั้นเชื่อว่าไม่มีปัญหาใด แต่ด้วยแนวทางข้อที่สองนั้นพึงเข้าใจว่าในวงการนั้นมีคำว่า ”ต่างสำนักต่างสายวิชา” การเขียนหรือกล่าวอะไรไปจึงมักก่อปัญหาได้ง่ายยิ่งหากนับไปแล้วมวยไท่จี๋นั้นมีการแตกแขนงไปมากมายและมีการเปลี่ยนแปลงทั้งที่ดีและไม่ดี
ซึ่งจริงๆแล้วการเขียนโดยอ้างแต่ข้อความตามตำราย่อมสามารถลอยตัวเหนือความขัดแย้งได้โดยไม่ยาก แต่หากจะเขียนในรายละเอียดของการฝึก ผล หลักวิธีของสายวิชา เช่นนั้นก็มักจะขัดแย้งได้ง่ายแล้ว ดังนั้นในการเขียนจึงต้องถือหลักไม่แบ่งสำนักและสายวิชา ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นข้อความใดที่ผิดพลาดไปก็ถือเสียว่านี่คือความบกพร่องของผมเอง
บทความนี้จะเขียนเป็นบทๆไปอย่างต่อเนื่องเท่าที่เวลาและความคิดจะอำนวย เน้นที่วิชามวยไท่จี๋หรือไท่เก๊กเป็นหลัก โดยจะทะยอยเขียนทั้งหลักวิชาและแนวทางการฝึกตามที่ได้เรียนรู้มาอย่างเปิดเผย ซึ่งขอผู้อ่านได้ค่อยๆติดตามอ่านไปอย่างใจเย็นครับ
จงกว๋ออู่ซู่ คือศิลปะการต่อสู้ของจีน
จงกว๋ออู่ซู่หรือศิลปะการต่อสู้ของจีนนั้นคือศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่ง ซึ่งได้กำเนิด เติบโต และพัฒนาขึ้นมาจากวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิต และวัฒนธรรมเชิงปรัชญา, ศาสนา และความเชื่อ ซึ่งภายใต้แผ่นดินที่กว้างใหญ่ของจีนเองบางครั้งก็มีความขัดแย้งแตกต่างระหว่างวิชามวยกันเองจนแบ่งเป็นฝักฝ่ายกันอยู่มาก เช่นฝ่ายเหนือ-ฝ่ายใต้(หนานพ่าย-เป่ยพ่าย), ฝ่ายภายนอก-ภายใน(เน่ยเจีย-ไว่เจีย) ทำให้บ่อยครั้งการคุยกันในวิชามวยก็เหมือนแตกต่างกันคนละภาษา แต่เมื่อมองภาพรวมทั้งหมดอาจจะกล่าวได้ว่ามวยจีนก็เหมือนภาษาจีนเอง ที่แม้ต่างสำเนียงต่างท้องถิ่นต่างมลฑล แต่ก็ยังเป็นภาษาเดียวกัน และเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นชาวจีนในภาษาเดียวกันนี้เอง แม้ต่างมาจากคนละที่แต่หากมีความรักไคร่ชอบพอ มีมิตรภาพไมตรีต่อกัน ย่อมส่งสำเนียงพูดคุยกันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
จงกว๋ออู่ซู่ ไม่ใช่นิยายจีน
บ่อยครั้งที่ผมอยู่ในประเทศจีนและได้พบพูดคุยกับผู้ฝึกวิชามวยจีนในประเทศจีนเอง นี่ถือว่าไม่นับผู้ฝึกในเชิงกีฬาหรือการแสดง ผมได้พบว่านักมวยจีนรุ่นเก่าหรืแม้แต่รุ่นใหม่ๆเอง ไม่ได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของนิยายจีนกำลังภายจากฝั่งฮ่องกง-ไต้หวันเหมือนผู้ฝึกในไทย ผู้ฝึกในจีน(รวมไต้หวัน-ฮ่องกง) มองศิลปะการต่อสู้ค่อนข้างเรียบง่ายว่ามันก็คือศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพด้วย แม้บ่อยครั้งด้วยวัฒนธรรมของชาวจีนที่นิยมใช้การเปรียบเปรย หรืออ้างความเชื่อที่อาจจะดูเหมือนอวดอ้างเกินจริงในสายตาของผู้ที่อยู่ในต่างประเทศต่างวัฒนธรรม แต่อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงส่วนที่เกิดจากวัฒนธรรมที่เป็นอยู่ แต่ตัวผู้ฝึกและผู้เรียนรู้ศึกษาแล้วโดยส่วนใหญ่ก็ยังมีความเข้าใจอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมาต่อวิชาที่ตัวเองได้ศึกษามาเป็นส่วนใหญ่ ในเรื่องนี้หลายครั้งที่ผมได้พบและพูดคุยกับอาจารย์มวยรุ่นใหญ่หรือที่เรียกว่า ”ต้าซือ” หรืออาจารย์ใหญ่ทั้งหลาย ผมก็พบว่าครูมวยเหล่านี้ต่างพูดคุยถึงวิชาอยู่ในขอบเขตแห่งความจริงเป็นส่วนมาก ท่านเหล่านั้นมักจะไม่ได้อวดอ้างพลังชี่หรือปราณ กำลังภายใน หรือพลังพิเศษอะไร หากเทียบกับหนังสือหรือตำรามวยจีนที่เขียนกันในโลกตะวันตกหรือพูดง่ายๆว่าที่เขียนกันเป็นภาษาฝรั่งออกมานั้น พบว่าตำราเหล่านั้นมักจะอวดอ้างเกินจริงเสียมากกว่าที่ครูมวยท่านสอนกันไว้จริงๆเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นสำหรับผู้ฝึกมวยจีน จึงพึงตระหนักถึงเรื่องของ “ทัศนะคติและความเข้าใจที่ถูกต้อง” ต่อวิชามวยให้มาก บ่อยครั้งที่ผมเห็นคนที่เพียงแค่เคยอ่านหลักวิชาจากนิยายก็เอามาพูดคุยหรืออธิบายหลักวิชาให้ผู้อื่นฟัง ครั้นพอผมบอกกล่าวในเรื่องของความถูกต้องและขอบเขตความจริงของวิชา กลับพบว่าส่วนใหญ่แล้วบรรดา “มือใหม่” เหล่านี้มักจะรับไม่ได้และหาว่าผมดูถูกวิชามวยไปเสียอีก เข้าใจผิดไปเองยังไม่ว่าแต่ส่วนใหญ่ยังเห็นเอาหลักผิดๆไปกล่าวอ้างต่อ นี่เท่ากับการสร้างทัศนะคติที่ผู้คนมีต่อมวยจีนให้ไปในทางที่ผิดโดยแท้
***ตอนนี้ผมได้ทำบอร์ดไว้ประกอบกับ Blog นี้นะครับ ถ้ามีหัวข้ออะไรอยากตั้งก็เชิญได้เลยนะครับ http://iching69taijiquan.forumth.com/index.htm
มิถุนายน 1, 2010 at 3:41 am
มาเรื่อยๆ เลยครับ คนตามอ่านน่ะมีแน่ แต่เว็บบอร์ดคงต้องทำใจครับ ช่วงนี้เงียบเหงาวังเวงกันทุกบอร์ด
มิถุนายน 12, 2010 at 3:01 pm
แวะมาอ่านครับ ไม่ได้ไปไหนไกล กำลังวุ่นๆ กับการทำบ้านเล็กในป่าใหญ่ …
กรกฎาคม 26, 2010 at 1:27 pm
ขอบคุณครับคุณยุทธ บ้านใหม่เป็นไงมั่งครับ ขอบคุณที่แวะเวียนมา ผมเองช่วงนี้ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาเขียนต่อกันเลยครับ
กุมภาพันธ์ 26, 2016 at 11:00 am
นำข่าวมาฝากค่ะ ตอนนี้มีสำนักไท่เก๊กเกรียนลวงโลก ทั้งตัวเจ้าสำนักและลูกศิษย์ของมัน เที่ยวประกาศตัวว่าเก่ง สืบทอดสายวงแคบ ถ่ายคลิปลวงโลก แค่แตะมือคู่ต่อสู้ก็กระเด็น บังเอิญลูกศิษย์มันมาโชว์ออฟค่ะ เลยให้โชว์ปรากฎว่าไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แปํกทุกครั้งที่โชว์ มันบอกว่าสามารถใช้พลังตีฝ่าอากาศได้ผลปรากฎว่า แป๊กค่ะ แถมพวกมันยังเที่ยวชวนลูกศิษย์สำนักอื่น ๆ ให้มาเรียนกับมัน ได้ข่าวว่ามีสำนักในกรุงเทพลุกศิษย์โดนหลอกไปเรียนเยอะ แต่ตอนนี้ลูกศิษย์เหล่านั้นเริ่มตาสว่างแล้ว เพราะนำไปใช้จริงไม่ได้ ต้องระวังนะค่ะ เดี๋ยวนี้ของลวงโลกเยอะมาก ๆ ค่ะ
กุมภาพันธ์ 26, 2016 at 1:31 pm
โอ่เพิ่งเห็น ผมก็ได้เจอมา แถว ม.ขอนแก่นก็มี คือเรื่องมีว่ามีอ้ายอ้วนคนนึงมันอวดว่ามันมีพลังพิเศษตรวจสอบพลังพระเครื่อง ยืนเฉย ๆ ให้ใครเตะต่อยก็ได้ มันชอบมาขอจับพระวัดพล้งแล้วก็คุยโม้เป็นฉาก ๆ ผมเลยขอลองทดสอบพลังมันให้มันจับพระของผมดู ปรากฎว่ามันสาธยายถึงพลังต่าง ๆ มากมาย ผมเลยบอกความจริงกับมันว่าพระที่ให้มันจับพลังนะเป็นของเพิ่งทำเสร็จเอง ก็คนทำเลียนแบบก็เพื่อนผมเอง ผลก็คือ มันเงียบกริบ ที่นี้มันเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงพลังภายในวิชาเพี้ยน ๆ ชื่อ เน่ยกรง มันบอกคือ พลังไหมฟ้า สามารถรับการเตะต่อยโดยไม่เจ็บได้ อ้าว เข้าทางผมดิ มันบอก อ. ของมัน น่ากลัวกว่า 3 โลก ผมก็ไม่แน่ใจว่า โลกไหนนะ เลยเอางี้ ขอลองดีกว่า เพราะผมก็ต่อยมวยไทยมา แต่ไม่บอกอ้ายอ้วนมัน เห็นมันโม้เก่งนัก อ้าวมันให้ลองครับพี่น้อง ผมเลยจัดเตะซ้าย 1 ดอก ตามด้วยแทงเข่าเข้าลิ้นปี่ 1 ดอก ผลลัพธ์ เหลือเชื่อครับ มันยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมตกใจเหมือนกัน สักครู่เดียว มันอ้วกแตก ครับ ป้าดผมก็นึกว่ามันมีพล้งไหมฟ้าจริง ๆ นี่มันยังบอกนะครับว่า อ. มันอยู่เชียงใหม่ มีพลังรับการเตะต่อย มากกว่ามันหลายเท่านัก แหมงงกับมันจริง ๆ
กุมภาพันธ์ 26, 2016 at 6:02 pm
หุหุหุ ที่สุดก็มีคนมาเปิดโปงมันจนได้ ผมรู้จักพวกมันดีครับ เคยไปหลงฝึกอยู่พักนึง อ้ายพวกนี้เกรียนและหลงตัวเองอย่างมากครับ เวลามันรวมกลุ่มกันจะด่าว่าสำนักอื่นให้ร้ายเป็นประจำ พวกมันอยู่กันแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ไม่มีลำดับศิษย์ก่อนหลังหรือศิษย์พี่ศิษย์น้อง ใช้แต่คำว่า สหาย แทนสรรพนาม พวกมันเคยพยามยามขยายลัทธิไปทั่วครับ ได้ข่าวว่าหัวหน้าพวกมันถูก อ.ไท่เก็ก ที่กทม. กำราบซะเสียคนเลยครัช แต่หัวหน้าพวกมันก็เกรียนยังหลอกสาวกต่อไปได้เรื่อย ๆ ดีใจครัชมีคนเริ่มมาเปิดโปงความเลวของพวกมัน เป็นกำลังใจให้นะ สู้ต่อไป ขุนพลโคนัน